Home / ข้อมูลความรู้ / ความเดินได้ (2)

ความเดินได้ (2)

ความเดินได้ (2)

ความเดินได้ในบทความนี้ได้ถอดความมาจากวิกิพีเดีย ฉบับปรับปรุงเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2555…….
‘ความเดินได้’ เป็นการวัดว่าพื้นที่หนึ่งๆเป็นมิตรต่อการเดินมากน้อยเพียงใด (หมายถึงสะดวกและปลอดภัยต่อการเดินอย่างไร…ผู้แปล) ความเดินได้นี้มีประโยชน์ต่อสุขภาพ, สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจอยู่หลายประการ ทั้งนี้ปัจจัยที่มีผลต่อความเดินได้ของทางได้แก่การมีหรือไม่มีทางเท้าทั้งที่ดีและมีคุณภาพ สิทธิขอบเขตทาง (right of ways ว่ามีได้กว้างหรือแคบเพียงใด) สภาพถนนและการจราจร รูปแบบการใช้ที่ดิน การเข้าออกอาคาร(ทำได้สะดวกหรือไม่) รวมทั้งความปลอดภัยและอื่นๆ ซึ่งความเดินได้นี้มีความสำคัญต่อการออกแบบพื้นที่เมืองอย่างยั่งยืนด้วย

ภาพประกอบ: กิจกรรมประกวดทางเท้า…เท่าเรื่อง , กันยายน 2555

คำจำกัดความ
เราขอเสนอให้จำกัดความของคำ ‘ความเดินได้’ ว่า: – ‘ระดับที่สิ่งแวดล้อมประดิษฐ์ หรือ (built environment ซึ่งหมายถึงสิ่งก่อสร้างต่างๆที่มนุษย์ทำขึ้น) เป็นมิตรต่อความเป็นอยู่ของผู้คน, การจับจ่ายซื้อของ (ช้อปปิ้ง), การเยี่ยมเยียนญาติมิตรหรือสถานที่, ความหฤหรรษ์หรือสนุกสบายใจในการไปใช้เวลาในพื้นที่นั้นๆ’ ทั้งนี้ปัจจัยที่มีผลหรืออิทธิพลต่อความเดินได้ ได้แก่ความต่อเนื่องของทาง, การผสมผสานของการใช้ที่ดิน, ความหนาแน่นของที่อยู่อาศัย(จำนวนคนต่อไร่), ความโปร่งโล่งโปร่งใสซึ่งรวมไปถึงจำนวนหรือปริมาณของหน้าต่างและประตูกระจก, ตลอดไปจนถึงการจัดระบบระเบียบและความใกล้ของตึกหรืออาคารหรือบ้านไปสู่ทาง, มีสถานที่ที่ใกล้บ้านของคนส่วนใหญ่ที่จะไปเดินอยู่จำนวนมาก, การออกแบบถนนที่เอื้อต่อการใช้งานของผู้คน (ไม่ใช่เฉพาะสำหรับรถยนต์)
ส่วนปัจจัยทางด้านโครงสร้างพื้นฐาน ได้แก่การเข้าถึงระบบขนส่งมวลชน, ทางเท้าที่ดีมีคุณภาพ, การมีส่วนกั้นแยกระหว่างคนเดินและคนใช้จักรยานออกจากการจราจร (เช่นแนวต้นไม้, บริเวณที่จอดรถข้างถนน, และทางจักรยาน), ทางข้ามหรืออุโมงค์สำหรับคนเดินเท้า, ความสวยงามหรือสุนทรียภาพ, คุณภาพอากาศ, ร่มเงาร่มไม้, เฟอร์นิเจอร์ถนน (เช่นทำเสาไฟฟ้า ตู้โทรศัพท์ หัวดับเพลิง กระถางต้นไม้ ฯลฯ ให้สวย), ปริมาณและความเร็วของการจราจร
วิธีที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งในการวัดความเดินได้ของช่วงถนนหนึ่งๆคือการวัดจำนวนคนที่เดินหรือแม้กระทั่งอ้อยอิ่งอยู่บนทางเท้าและการมีกิจกรรมใดๆบนพื้นที่นั้นๆ
อย่างไรก็ตามแนวคิดนี้เป็นของคนตะวันตก (ของฝรั่ง) ซึ่งแม้มันจะสามารถเพิ่มระดับการให้บริการ (LOS, Level of Services) ได้ แต่มันก็อาจใช้งานได้ไม่ดีนักในสังคมของประเทศที่ไม่ใช่ประเทศตะวันตก (ประเทศแถบเอเชีย… ผู้แปล) เพราะบริบทของประเทศเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความหลากหลายของผู้คน, เด็ก, ผู้สูงอายุ, คนพิการ ฯลฯ ต่างก็มีความต่างไปจากของประเทศตะวันตกทั้งสิ้น
ประโยชน์
ดัชนีความเดินได้มีความผูกโยงโดยตรงกับค่าดัชนีมวลกายหรือ BMI (Body Mass Index) และกิจกรรมทางกายของคนท้องถิ่น (หมายความว่าหากค่าดัชนีความเดินได้สูง คนแถวนั้นจะอ้วนน้อยกว่าและมีกิจกรรมทางกายมากกว่าคนในพื้นที่อื่นๆ…ผู้แปล) แต่อย่างไรก็ตามก็พบว่าในเขตพื้นที่กลางเมืองกับพื้นที่ชานเมือง ที่มีความเดินได้ใกล้เคียงกัน ชุมชนในสองพื้นที่นี้ก็ยังมีภาวะสุขภาพไม่เหมือนกัน ซึ่งยังต้องทำการวิจัยในเรื่องนี้กันต่อไป
ประโยชน์อีกรูปแบบหนึ่ง คือ หากทางเดินเดินได้สะดวกก็เป็นการเพิ่มโอกาสของการมีปฏิสัมพันธ์กันในทางสังคมมากขึ้น มีเพื่อนมากขึ้น รู้จักคนในละแวกบ้านมากขึ้น ลดอาชญากรรมลง(มีคนเดินบ่อยหรือตลอดเวลา อาชญากรรมจึงเกิดได้ยากขึ้น) เพิ่มความภูมิใจในตัวตน และเพิ่มความเป็นบุคคลจิตอาสามากขึ้นด้วย
สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งของความเดินได้ของทางเท้าคือการลดมลพิษและคาร์บอนออกจากชุมชนอันเนื่องมาจากการลดการใช้รถยนต์ในพื้นที่ นอกจากนั้นการเดินยังช่วยลดค่าใช้จ่ายต่อทั้งตัวบุคคลและชุมชน, เพิ่มประสิทธิภาพการใช้ที่ดิน, การเพิ่มความน่าอยู่ของเมือง, การสาธารณสุขที่ดีขึ้น (ซึ่งมีผลเชิงเศรษฐกิจตามมา) และอื่นๆอีก

การวางผังชุมชน
ความกว้างของทางเท้าเป็นส่วนสำคัญของความเดินได้ของทางเท้า รัฐบัญญัติคนพิการของอเมริกา (The Americans with Disabilities Act) กำหนดไว้เป็นกฎหมายว่าทางเท้าต้องกว้างไม่น้อยกว่า 5 ฟุต (1.50 เมตร) และสิ่งกีดขวางการเดินไม่ว่าจะเป็นเสาป้าย เสาไฟฟ้า ตู้โทรศัพท์ และหากติดตั้งแล้วทำให้ทางเท้าแคบกว่า 5 ฟุต ต้องนำไปติดตั้งบริเวณอื่นเพื่อไม่ให้ทางเท้าแคบลงกว่าที่กำหนด
การเดินเท้าข้ามถนนต้องทำให้ทำได้ด้วยความปลอดภัย เช่น มุมถนนในช่วงทางแยกทางร่วมต้องมีขอบทางเท้ายื่นออกไป เพื่อทำให้การเลี้ยวของรถยนต์ต้องเลี้ยวในมุมแคบ (ซึ่งจะทำให้รถยนต์ต้องลดความเร็วลง ผิดกับบ้านเราที่ชอบปาดมุมขอบทางเท้าเพื่อให้รถยนต์เลี้ยวได้สะดวกและเร็วขึ้น ซึ่งเป็นอันตรายต่อคนข้ามถนน…. ผู้แปล) สำหรับถนนที่อนุญาตให้รถยนต์จอดริมถนนได้ ต้องจัดให้มีทางเท้ายื่นเข้าไปในถนน เพื่อคนข้ามถนนจะได้มองเห็นรถยนต์ที่กำลังวิ่งมา (มิใช่เห็นแต่ตัวรถยนต์ที่จอดเรียงอยู่ แต่ไม่เห็นรถที่กำลังวิ่งมา …ผู้แปล)
การวัดความเดินได้
วิธีที่จะวัดและประเมินความเดินได้ คือการตรวจประเมิน(audit) การเดินในพื้นที่ ซึ่งมีอยู่หลายวิธีการ ทั้งนี้ วิธีการหรือเครื่องมือหนึ่งที่นิยมใช้กันมากในสหราชอาณาจักร (UK) คือ PERS (Pedestrian Environment Review System)  หรือระบบวิเคราะห์ทบทวนสิ่งแวดล้อมสำหรับคนเดินเท้า
Walk Score (คะแนนการเดิน) ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่วัดความเดินได้ โดนอิงจากระยะทางใกล้ไกลที่จะเดินไปยังจุดหมายที่น่าสนใจ แต่ไม่ได้รวมถึงความปลอดภัยและระดับสูงต่ำ(มีเนินหรือไม่) ของทางเท้า
Walkonomics เป็นแอพพ์ที่รวมเอา Open Date กับ Crowdsourcing (ทุกคนมาช่วยกันทำงานชิ้นนี้ร่วมกัน) มาให้คะแนนความเป็นได้ของถนน นับถึงปัจจุบันถนนในอังกฤษทุกถนน (มากกว่า 600,000 ถนน) และบางถนนในกรุงนิวยอร์กได้รับการลงคะแนนจัดลำดับไปแล้ว (ดู walkonomics.com)
RateMyStreet (ดู ratemystreet.org) เป็นเว็บไซต์ที่ใช้ Crowdsourcing เช่นกัน และใช้ Google Maps กับระบบให้คะแนน (5 ดาว) มาให้ประชาชนใช้ในการจัดอันดับของถนนในชุมชนของตน โดยมีปัจจัยพิจารณาทั้งหมด 8 ประเภท ได้แก่ 1) การข้ามถนน 2) ความกว้างของทางเท้า 3) ความเสี่ยงภัย (เช่นหกล้ม) 4) การหาทางไป (ไม่หลง) 5) ความปลอดจากอาชญากรรม 6) ความปลอดภัยบนถนน 7) ความสะอาดและความดึงดูดใจ และ 8) ความสะดวกที่มีให้แก่คนพิการ

              ภาพประกอบ: กิจกรรมประกวดทางเท้า…เท่าเรื่อง , กันยายน 2555

ศ.กิตติคุณ ดร.ธงชัย พรรณสวัสดิ์

1 พฤศจิกายน 2555

Comments

comments

Check Also

Mn/DOT Bikeway Facility Design Manual

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น