คนเปลี่ยนโลกหรือคนทำลายโลกหมายถึงพวกเราเกือบทุกๆคนแต่นับจริงๆคือกลุ่มรัฐบาลและ
เอกชนที่สร้างอุตสาหกรรมทั้งหลาย เค้ามีหน้าที่หลักในการทำให้โลกเปลี่ยน
ดังนั้นการรณรงค์ที่จะมีผลให้โลกเปลี่ยนจริงๆก็คือการณรงค์กับกลุ่มผู้ใช้รถยนต์ จักรยานยนต์
หรือกลุ่มคนชั้นกลางชั้นสูงผู้สร้างมลพิษทั้งหลายหาใช่ชาวบ้านทั่วไป
หากวิถีชาวบ้านนะครับถ้าจะเปลี่ยนแปลงก็จะได้ประมาณ ปั่นจักรยานมาวัด ปั่นจักรยานมาโรงเรียน
ปั่นจักรยานไปทำไร่ทำสวน ปั่นจักรยานไปประชุมชาวบ้าน คือเปลี่ยนจากมอเตอร์ไซด์รถยนต์เป็น
จักรยานบ้าง….ซึ่งแค่เปลี่ยนวิถีไม่ใช่เปลี่ยนโลก ถ้าเรานึกถึงระบบนิเวศน์เราจะเห็นว่าค่าการสร้าง
มลพิษของกลุ่มคนที่กล่าวมานี้ยังสมดุลย์คือยังมีป่ามีต้นไม้ที่จะดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์และ
สร้างออกซิเจนทดแทนเค้าถึงบอกว่าคุยเรื่องจักรยานกับชาวบ้านต้องบอกว่าให้คุยเรื่องสุขภาพและ
ความประหยัดค่าหมอ
.
กลุ่มคนที่จะทำให้โลกเปลี่ยนได้จริงก็คือกลุ่มคนผู้เปลี่ยนโลกนั่นแหละครับ เปลี่ยนโลกยังไงก็เปลี่ยน
จากความสวยสดงดงามเขียวขจีไปเป็นร้อนระอุเพิ่มมลพิษทุกๆด้านคนกลุ่มนี้หมายรวมถึงรัฐบาล
และเอกชนที่สร้างอุตสาหกรรมทั้งหลาย ดังนั้นเค้าต้องร่วมรับผิดชอบและเป็นตัวชูในการรณรงค์
ออกค่าใช้จ่ายให้กลุ่มรณรงค์ที่จริงจังเป็นสินไหมทดแทนที่ตัวเองเป็นกลุ่มใหญ่ๆที่ทำลายโลก
สร้างค่านิยมจักรยานที่ดีให้ประชาชน
.
ที่พวกเราปั่นๆๆรณรงค์กันอยู่ปัจจุบันการรักษ์โลกคือข้ออ้างบังหน้าแทบจะทั้งนั้น ต่างกลุ่มต่างหา
สมัครพรรคพวกมาปั่นให้มากๆเพื่อความยิ่งใหญ่มีชื่อเสียงของกลุ่มเพื่อจะได้ต่อรองกับภาครัฐเรื่อง
การสนับสนุนและเพื่อชื่อเสียงทางสังคม บางคนบ้าปั่นไปทุกงานจนไม่เป็นอันทำงานทำการ ผมมีความ
หวังว่าการชวนคนมาปั่นจะเป็นการเปลี่ยนโลกจริงๆคืออธิบายให้เค้ารู้ประโยชน์การปั่นอย่างชัดเจน
เป็นปัจจัยพื้นฐานที่ทุกคนต้องรู้และย้ำเสมอเพื่อการบอกต่อที่มีประโยชน์ ไม่ใช่พูดถึงจักรยานถูกๆหรือ
สวยหรูหรือแม้แต่ทริปที่สวยงามต่างๆแล้วมาอ้างว่านั่นคือการปั่นให้โลกเปลี่ยน
.
หากผู้ปั่นให้โลกเปลี่ยนทั้งหลายตระหนักถึงคุณค่าการปั่นอย่างชัดเจน(ไม่รวมผู้ปั่นตามกระแส)
เรื่องจักรยาน เรื่องทริปมันเป็นเรื่องส่วนบุคคลไปแล้วครับเค้าจะจัดการตัวเค้าเองโดยมีผู้ช่วยที่
เค้าไว้ใจแต่ไม่ว่าคุณ เค้า ใคร ที่หันมาปั่นจักรยานจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามเราักรณรงค์ทั้งหลาย
ควรจะขอบใจพวกเค้าที่สิ่งที่เค้าทำมันมีประโยชน์ต่อโลกเรา
.