นักจักรยาน(และคนใช้จักรยาน…ผู้แปล)ปกติจะมีอายุยืนยาวและมีชีวิตที่มีสุขภาพที่ดีกว่า; การบาดเจ็บที่หัวอย่างรุนแรงก็พบได้น้อย และพยานหลักฐานที่ชี้ให้เห็นประโยชน์ต่อการสวมหมวกกันน็อกและการมีกฎหมายว่าด้วยหมวกกันน็อกก็ไม่หนักแน่น; ผลกระทบหลักๆของการบังคับใช้กฎหมายหมวกกันน็อกนอกจากจะไม่เพิ่มความปลอดภัยต่อนักจักรยานแล้ว ยังบั่นทอนการใช้จักรยานรวมทั้งลดความสำคัญของประโยชน์ด้านสุขภาพและอื่นๆอีกด้วยซ้ำ
ดั้งนั้น เราจึงเรียกร้องต่อภาครัฐ ให้:
- เน้นไปที่มาตรการที่ตกผลึกดีแล้ว เพื่อที่จะส่งเสริมการใช้จักรยานและสุขภาวะของผู้ใช้จักรยาน;
- ตระหนักว่าผลประโยชน์ที่ได้จากการขี่จักรยานมีมากกว่าความเสี่ยงจากการขี่จักรยานมากนัก;
- ระงับการส่งเสริมหรือบังคับการสวมหมวกกันน็อก โดยปราศจากข้อมูลที่หนักแน่นว่า สิ่งนี้จะเป็นประโยชน์และคุ้มทุนเมื่อเทียบกับนวัฒนกรรมด้านความปลอดภัยในรูปแบบอื่น
- แผ่นพับนี้เป็นผลงานของคณะทำงานด้านหมวกกันน็อกของอีซีเอฟ. ตัวแทนขององค์กรสมาชิกทั้งหมดของอีซีเอฟได้รับเชิญให้ร่วมในคณะทำงานชุดนี้ หาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหมวกกันน็อกได้ที่ www.ecf.com/3500_1(Policy/Safety)และองค์กรของท่านจะเป็นสมาชิกของECFได้อย่างไรที่ www.ecf.com หรืออีเมล์ไปที่ Dr.Randy Rzewnicki ที่ randy@ecf.com
รูปเข็มกลัดรณรงค์ของ ECF
สงสัย?
อ่านแผ่นพับนี้และให้ตั้งคำถามต่อการโฆษณาชวนเชื่อเรื่องหมวกกันน็อกว่าดีจริงหรือไม่
อยากได้วิธีการง่ายๆที่จะช่วย?
ติดเข็มกลัดนี้ และนำความจริงสู่การอภิปรายถกเถียงเรื่องหมวกกันน็อก
อยากช่วยให้มากขึ้นไปอีก?
เข้าร่วมในคณะทำงานเรื่องหมวกกันน็อกของสหพันธ์ผู้ใช้จักรยานแห่งยุโรป(European Cyclists’ Federation, ECF)
กฎหมายหมวกกันน็อกและการส่งเสริมหมวกฯแบบทำให้น่ากลัวจนช็อก
จะบั่นทอนการใช้จักรยาน
การกล่าวอ้าง: “หมวกกันน็อกจักรยานป้องกันการบาดเจ็บที่หัวได้85%และการบาดเจ็บที่สมองได้ 88%”(ทอมสัน 1989)
การตอบโต้: งานศึกษานี้ อ้างอิงกันมาตั้งแต่ 1989และไม่เคยได้รับการพิสูจน์ในโลกแห่งความเป็นจริง การใช้หมวกกันน็อกที่เพิ่มขึ้นกลับสัมพันธ์กับการใช้
จักรยานที่น้อยลงอย่างมาก แต่ไม่เคยสัมพันธ์กับการปรับปรุงด้านความปลอดภัยของผู้ใช้จักรยาน อย่างตรวจวัดได้จริง
การกล่าวอ้าง: “เด็กและผู้ใหญ่ควรสวมหมวกกันน็อกทุกครั้งที่ขี่จักรยาน”(NHTSA 2007)
การตอบโต้: “ผู้ใช้จักรยานมีการบาดเจ็บที่หัวน้อยกว่าคนขับรถยนต์และคนเดินเท้า”(ONISR 2005) ดังนั้น ถ้าเราทำตามคำกล่าวอ้างนี้ คนขับรถยนต์และคน
เดินเท้าก็ควรสวมหมวกกันน็อกตลอดเวลาเช่นกันสิ
การกล่าวอ้าง: “การขี่จักรยานโดยไม่สวมหมวกกันน็อกเป็นการฆ่าตัวตาย”
การตอบโต้ที่ 1: หมวกกันน็อกไม่ได้ป้องกันการล้มฟาดพื้น, ดังนั้นการสร้างถนนให้ปลอดภัยมากขึ้นและการให้ความรู้ความเข้าใจอย่างดีแก่คนขับรถยนต์และผู้
ใช้จักรยานเท่านั้นที่จะป้องกันการหกล้มฟาดพื้นได้
การตอบโต้ที่ 2: กฎหมายหมวกกันน็อกและการโฆษณาชวนเชื่อได้สร้างปฏิกิริยา“โทษเหยื่อ(หมายถึงผู้ใช้จักรยาน…ผู้แปล)” ซึ่งรัฐบาลและพนักงานบริษัท
ประกันได้อาศัยใช้ในการที่จะหลีกเลี่ยงการดูแลหรือจ่ายค่าประกันให้แก่ผู้ใช้จักรยาน
การขี่จักรยานเป็นกิจกรรมสุขภาวะ ที่ประโยชน์มีมากกว่าความเสี่ยง
การศึกษาในโคเป็นเฮเก็น(แอนเดอร์สัน 2000)พบว่าคนที่ขี่จักรยานเป็นประจำมีอัตราการเสียชีวิตต่ำกว่าคนที่ไม่ขี่จักรยาน ผู้ใหญ่ที่ขี่จักรยานเป็นประจำมีระดับความฟิต โดยปกติแล้วเทียบได้เท่ากับคนที่อายุน้อยกว่าถึง 10ปี(Tuxworth 1986) และมีอายุยืนนาวกว่าค่าเฉลี่ย 2ปี
ประโยชน์ด้านสุขภาพจากการขี่จักรยานมีมากกว่าความเสี่ยงเป็นสัดส่วนถึง 20ต่อ 1, ซึ่งก็ต้องขอบคุณอายุที่ยืนยาวขึ้นนั้นด้วย(ฮิลล์แมน 1993)
งานศึกษาของกรมการขนส่งในปี 2003ได้เทียบการเสียชีวิตของผู้ใช้จักรยานเท่ากับเพียง 114คน เมื่อเทียบกับผู้เสียชีวิตจากโรคอ้วนถึง 30,000คน และจากโรคหัวใจ 42,000 คน
หมวกกันน็อกจักรยานช่วยเรื่องความปลอดภัยได้นิดเดียว
ทางที่ดีที่สุดที่จะปรับปรุงความปลอดภัยของผู้ใช้จักรยานคือการส่งเสิรมการใช้จักรยาน
ความเสี่ยงจากการขี่จักรยานมีน้อย -คิดเป็นอัตราเสียชีวิตของผู้ใช้จักรยานเพียง 1 คน จากการเดินทางด้วยจักรยานไกลถึง 33ล้านกิโลเมตร(หมายเหตุผู้แปล:-ไม่ได้หมายความว่าคนหนึ่งๆใช้จักรยานเป็นระยะทางไกลถึง 33ล้านกิโลเมตร ซึ่งเป็นไปไม่ได้ แต่ตัวเลขนี้เป็นตัวเลขที่ได้จากการคำนวณ จากข้อมูลการเดินทางของประชาชนจำนวนมากในประเทศ โดยเดินทางด้วยจักรยานอยู่ทุกวันเป็นเวลานาน)ดังนั้น คนๆนั้นต้องขี่จักรยานนานถึง 21,000ปีจึงจะขี่ได้ระยะทางไกลขนาดนี้ (คาวิลล์และเดวิส 2007)
หมวกกันน็อกจักรยานต้องไม่เหมือนหมวกกันน็อกมอเตอร์ไซค์ หมวกกันน็อกจักรยานต้องเบา นิ่ม และจะแตกเมื่อถูกกระแทก (วอล์กเกอร์ 2005) หมวกนี้จึงไร้ประโยชน์แล้วหลังจากถูกกระแทกมาเพียงครั้งเดียว และก็มักจะใช้งานไม่ได้จริงในกรณีล้มฟาดส่วนใหญ่ที่รุนแรงมากพอที่จะให้เกิดการบาดเจ็บที่หัว – มีการชี้ให้เห็นด้วยว่า หมวกกันน็อกจักรยานสามารถก่อให้เกิดการบาดเจ็บที่สมอง‘แบบหมุน’(rotational brain injury)ในการล้มฟาดในบางกรณี (เซนต์แคลร์และชินน์ 2007)
การเพิ่มการสวมหมวกกันน็อกจักรยาน (เช่น ในสถานที่แบบออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ซึ่งห้ามการขี่จักรยานโดยไม่สวมหมวกกันน็อก)ไม่ได้เชื่อมโยงกับความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น, แต่กลับไปเชื่อมโยงกับการใช้จักรยานที่ลดลง
การขี่จักรยานจะปลอดภัยมากขึ้นถ้ามีคนมาใช้จักรยานมากขึ้น กฎหมายหมวกกันน็อกจักรยานซึ่งเป็นตัวที่ทำให้การใช้จักรยานลดลงจึงกลับกลายเป็นตัวที่ทำให้‘ตัวเลขความปลอดภัย’ลดลงเสียด้วยซ้ำ
เราไม่ได้ต่อต้านหมวกกันน็อก
คนบางคนรู้สึกสะดวกใจกว่าหากจะขี่จักรยานแล้วสวมหมวกกันน็อกด้วย
เราต่อต้านการกล่าวอ้างที่…..
- วางภาพว่าการขี่จักรยานนั้นอันตรายเกินกว่าที่เป็นจริง
- วางภาพว่าหมวกกันน็อกจักรยานเป็นตัวป้องกันอันตรายเกินกว่าที่มัน
ทำได้จริง
การขี่จักรยานนั้นเป็นกิจกรรมที่ปลอดภัย, สนุก และดีต่อสุขภาพ ไม่ว่าคุณจะสวมหรือไม่สวมหมวกกันน็อก