เดิน – การออกกำลังกายที่ง่าย ได้ผลชะงัด และทำได้ทุกคน
ชมรมจักรยานเพื่อสุขภาพแห่งประเทศไทยเคยนำเสนอไปหลายครั้งแล้วถึงประโยชน์ของการเดินในฐานะที่เป็นได้ตั้งแต่กิจกรรมทางกายเพื่อรักษาสุขภาพขั้นพื้นฐานไปจนถึงการออกกำลังกายให้ร่างกายแข็งแรงอย่างจริงจังในแง่ของคนเดินคนนั้นเอง รวมถึงผลทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ที่กระทบออกไปรอบด้านต่อครอบครัว ชุมชน และสังคม/โลกในวงกว้าง ถึงขนาดที่แพทย์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกาออกคำแถลงเรียกร้องให้เดินกันให้มากขึ้น ให้ส่งเสริมการเดิน และให้ทำให้ชุมชนและเมืองเป็นสถานที่ที่เดินได้-น่าเดิน แม้แต่กระทรวงสาธารณสุขของไทยเราก็แถลงออกมาในทำนองเดียวกัน หากท่านผู้อ่านจะตั้งปณิธานที่จะทำอะไรในปีใหม่นี้ สิ่งหนึ่งที่ท่านควรตั้ง(และเราขอให้ท่านตั้งและเอาไปปฏิบัติ)คือ “ฉันจะเดินทุกโอกาสที่ทำได้ เดินให้มากที่สุด”
อย่างไรก็ตาม มาทบทวนข้อดีของการเดินกันอีกครั้งหนึ่งครับ
การมีกิจกรรมทางกาย (physical activity) เป็นปัจจัยพื้นฐานหนึ่งในสี่ประการที่จำเป็นต่อการมีสุขภาพดีมันช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดในสมอง โรคมะเร็ง(บางชนิด) โรคเบาหวานประเภท 2และโรคซึมเศร้า ช่วยควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพ ลดความดันโลหิตและความเครียด ทั้งหมดนี้เป็นผลที่คาดได้จากการเดินธรรมดาๆ เป็นประจำเพียงวันละ 30 นาที! และหากเดินให้แข็งขันขึ้น การเดินก็จะกลายเป็นการออกกำลังกาย (physical exercise) ชั้นเลิศที่ไม่กดดันร่างกายมากเกินไปอย่างที่เกิดจากการออกกำลังที่เข้มข้นกว่าเช่นการวิ่ง
สิ่งที่ท่านผู้อ่านอาจยังไม่ทราบและไม่เคยนำมาพิจารณาคือ ผลทางเศรษฐกิจสังคมที่การเดินสามารถทำให้เกิดได้กับชุมชน การประชุมสุดยอดแห่งชาติว่าด้วยการเดินในกรุงวอชิงตันดีซี ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2558 ที่ผ่านมา เน้นไปที่ความเชื่อมโยงระหว่างสุขภาพโดยรวมกับรหัสไปรษณีย์ โดยมีข้อมูลว่า ชาวอเมริกันที่อาศัยอยู่ในย่านชุมชนที่มีปัจจัยส่งเสริมการเดินน้อยโน้มเอียงที่จะมีภาวะอ้วนหรือป่วยด้วยโรคเรื้อรังมากกว่าคนที่อยู่ในย่านชุมชนที่ออกแบบและดำเนินการให้เดินได้ดีอย่างสำคัญ ถ้าไม่มีการออกแบบชุมชนมาให้เหมาะกับการเดินอยู่ในใจตั้งแต่ต้น ชาวชุมชนก็โน้มเอียงที่จะไม่เดินกันมากเนื่องจากไม่สะดวกและไม่ปลอดภัย ทำให้คนในชุมชนนั้นมีแบบแผนการใช้ชีวิตที่มีการเคลื่อนไหวร่างกายน้อย ไม่ดีต่อสุขภาพ
ชุมชนที่เดินได้ดี ผู้อาศัยมักมีสุขภาพดีด้วย ถ้าเด็กๆ สามารถเดินหรือขี่จักรยานไปโรงเรียนได้อย่างปลอดภัย เท่าแต่เดินหรือขี่จักรยานไปและกลับจากโรงเรียน พวกเขาก็จะมีกิจกรรมทางกายขั้นต่ำตามที่ร่างกายต้องการแล้ว การจัดการให้เดินได้อย่างปลอดภัยเป็นสิ่งที่จำเป็นในการสู้รบปรบมือกับภาวะอ้วนในเด็กและให้ผลดีกับผู้ใหญ่ด้วยเช่นกัน
นอกจากนั้น การทำให้ชุมชนเป็นชุมชนที่เดินได้ดีทำให้เศรษฐกิจของชุมชนดีขึ้นและชาวชุมชนมีความรู้สึกเป็นชุมชน ประชาชนที่มีรายได้น้อยสามารถหางานมาทำและรักษางานนั้นไว้ได้มากกว่า หากพวกเขาสามารถเดินไปทำงานได้อย่างปลอดภัย แทนที่จะต้องพึ่งพารถยนต์ที่มีราคาแพง ทางเดินเท้าที่ปลอดภัยยังทำให้ชาวชุมชนสามารถไปร่วมกิจกรรมทางสังคมได้ง่ายขึ้น เสริมสร้างความผูกพันทางสังคมซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นเป็นพิเศษสำหรับความสุขโดยรวมของผู้สูงอายุ
ชุมชนที่มีทางเดินเท้าดี มีไฟฟ้าส่องสว่าง มีน้ำประปาใช้บริบูรณ์ มีพื้นที่สีเขียว สวนสาธารณะ และสนามเด็กเล่น มักเป็นชุมชนที่ชาวชุมชนมีสุขภาพดีกว่า มีความสุขมากกว่า และประสบความสำเร็จทางเศรษฐกิจมากกว่า การเดินไปไหนมาไหนได้อย่างปลอดภัยควรจะเป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานของทุกชุมชน ไม่ว่าสมาชิกของชุมชนนั้นจะมีอายุเท่าใด เป็นคนเชื้อชาติเผ่าพันธุ์ใด นับถือศาสนาใด หรือมีฐานะทางเศรษฐกิจเช่นใด
การส่งเสริมการเดินเป็นจุดที่การมีสุขภาพดี ความเป็นธรรมทางสังคม การอนุรักษ์ที่ดิน และการฟื้นฟูชุมชน มาบรรจบกัน
แล้วปีใหม่นี้ เราจะไม่มาเดินกันให้มากขึ้น ทำให้ และเรียกร้องให้ผู้บริหารบ้านเมืองทั้งในระดับชาติและระดับท้องถิ่นมาทำให้ ชุมชนและบ้านเมืองของเราเป็นสถานที่ที่เดินได้อย่างสะดวกและปลอดภัยกันหรือครับ
——————————————————————————————————————————————————————————————-
กวิน ชุติมา เขียนจาก The Simple Yet Potent Exercise That Benefits Everyone โดย By Jordyn Cormier ใน care2.com