เราทุกคนที่มีรถยนต์รู้ดีจากประสบการณ์ของตนเองว่า การใช้รถยนต์นั้นมีค่าใช้จ่ายมากมาย นอกจากเงินที่ต้องจ่ายซื้อรถคนนั้นมาในเบื้องแรกแล้ว ต่อๆไปคุณต้องจ่ายค่าเชื้อเพลิง ค่าดูแลบำรุงรักษาและซ่อมแซม ค่าทะเบียนและค่าประกัน แล้วรถก็ยังเสื่อมราคาและหมดอายุการใช้งานไปในที่สุด ต้องซื้อหาคันใหม่ เหล่านี้มีแต่เงินต้องไหลออกจากกระเป๋าของคุณไป เพื่อซื้อสิ่งที่คุณคิดว่าสำคัญในการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นยานพาหนะในการเดินทางที่จำเป็น ความสะดวกสบาย หรือแม้แต่สถานะทางสังคมที่ติดมากับการมีรถยนต์
แต่ถ้าตัดข้อแรก คือการเป็นยานพาหนะที่จำเป็นในการเดินทางในชีวิตประจำวัน เช่น ที่พักอาศัยอยู่ห่างไกลจากสถานที่ทำงานเกินกว่าจะเดินหรือขี่จักรยานสบายๆ และไม่มีขนส่งสาธารณะให้บริการ ออกไปแล้ว คุณจะพบว่า การเดิน ใช้จักรยาน และใช้ขนส่งสาธารณะ แม้จะมีค่าใช้จ่ายเช่นกัน แต่ก็ไม่มาก แม้จะรวมค่าแท็กซี่-ค่าเช่ารถและเชื้อเพลิงในโอกาสที่จำเป็นต้องใช้รถจริงๆ โดยรวมแล้วคุณก็ยังประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากมาย มากน้อยขึ้นอยู่กับองค์ประกอบต่างๆ ของแต่ละคน
นี่ยังไม่รวมถึงผลประโยชน์ที่ได้ทางด้านสุขภาพจากการขี่จักรยาน คุณลดค่าใช้จ่ายไปได้อีกมากจากการมีสุขภาพดี ไม่เจ็บป่วย แล้วยังมีการที่ไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายที่เกิดจากการชนเมื่อคุณใช้รถยนต์อีก มีคนเปรียบเทียบจักรยานเหมือนกับ “เครื่องพิมพ์ธนบัตร” เพราะเมื่อเลิกใช้รถยนต์ส่วนตัวหันมาใช้จักรยาน จะมีเงินเหลือมาใช้อีกมาก หรือเหมือนกับ “น้ำพุแห่งความเยาว์วัย” ที่ทำให้คนอ่อนกว่าวัย สดชื่นกระชุ่มกระชวยอยู่เสมอ เปรียบเทียบกันถึงขนาดนี้อาจจะ “เว่อร์” เกินไป แต่ที่สหรัฐอเมริกา เขามีสถิติตัวเลขของประเทศที่เอามาคิดคำนวณได้ว่า ผลสุทธิของการขับรถด้วยความเร็ว 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คือการมีอายุสั้นลง 20 นาที หรืออายุสั้นลง 18 วินาทีทุก 1 ไมล์(1.6 กิโลเมตร)ที่ขับรถ ส่วนผลสุทธิของการขี่จักรยานด้วยความเร็ว 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คือการมีอายุยาวขึ้น 2 ชั่วโมง 36 นาที หรืออายุยืนขึ้น 13 นาทีทุก 1 ไมล์ที่ขี่จักรยาน
ดังนั้นก็อาจจะไม่ “เว่อร์” ไม่เกินเลยไปที่จะกล่าวว่า ทิ้งรถหันมาใช้จักรยาน(และขนส่งสาธารณะ)ให้มากขึ้นกันดีกว่า คุณจะได้ทั้งเงินและชีวิต
ส่วนในไทยของเรานั้น ยังไม่มีตัวเลขจากการศึกษาผลของการใช้รถยนต์กับผลของการใช้จักรยานมาเปรียบเทียบกัน แต่ก็เป็นไปได้สูงว่าจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
ทีนี้หากจะ “ทิ้งรถ” หันมาใช้จักรยานและขนส่งสาธารณะเป็นวิธีในการเดินทางจริงๆ ก็ควรพยายามหาทางทำให้ง่ายให้สะดวกขึ้นด้วย เช่นว่า หาซื้อจักรยานมาใช้เองสักคัน, เรียนรู้ระบบขนส่งสาธารณะในเมืองของคุณให้ทะลุปรุโปร่ง ขึ้นตรงไหน ลงตรงไหน เปลี่ยนรถ-ต่อรถตรงไหนให้ไปได้สะดวกและรวดเร็วที่สุด หากเป็นไปได้ การย้ายไปอยู่ใกล้จุดที่เข้าสู่ระบบขนส่งสาธารณะ(ป้ายรถประจำทาง สถานีรถไฟฟ้า)ก็เป็นสิ่งที่น่าพิจารณา และหาข้อมูลด้วยว่าหากต้องใช้แท็กซี่หรือรถเช่า จะใช้บริการของบริษัทไหน คนขับใด ดีที่สุด
ชมรมจักรยานเพื่อสุขภาพแห่งประเทศไทยเคยมีแผ่นพับที่สมาชิกคนหนึ่งให้ข้อมูลว่า การเปลี่ยนมาใช้จักรยานในการเดินทางไปทำงานช่วยประหยัดเงินให้เขาได้มากเพียงใด ถ้าจำไม่ผิดก็เดือนละกว่าพันบาท ใช้จักรยานไม่กี่เดือนก็ประหยัดเงินได้มากกว่าราคาจักรยานแล้ว ที่เหลือก็เป็นกำไร… นั่นเป็นข้อมูลเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนที่ค่าครองชีพค่าสินค้าต่างๆ ถูกกว่าทุกวันนี้ และการเจ็บป่วยจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ที่มีการเนือยนิ่งคือมีกิจกรรมทางกายหรือออกกำลังกายไม่เพียงพอ ยังไม่เป็นฆาตกรอันดับหนึ่งเหนือกว่าสาเหตุการเสียชีวิตทั้งมวลดังทุกวันนี้ มีการศึกษาในต่างประเทศพบว่า ความเสี่ยงที่จะเจ็บป่วยจากการขาดกิจกรรมทางกาย-การออกกำลังกาย สูงกว่าความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตจากการขี่จักรยานแล้วถูกรถชนถึง 20 เท่า
อย่างนี้แล้ว เราจะไม่พิจารณาทิ้งรถ หันมาใช้จักรยาน(และขนส่งสาธารณะ)ให้มากขึ้นหรือครับ ได้ทั้งเงินทั้งชีวิตเลยนะครับ
————————————————————————————————————————————————————–
กวิน ชุติมา กรรมการชมรมจักรยานเพื่อสุขภาพแห่งประเทศไทย และกรรมการ-เหรัญญิกสถาบันการเดินและการจักรยานไทย
เอาข้อมูลจากจาก treehugger.com มาเรียบเรียงเขียน