คิดใหม่ ระบบขนส่งมวลชน

                 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 26 กันยายน 2556 สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ TDRI ได้จัดประชุมระดมความคิดเห็นเพื่อหาทางออกสำหรับการขนส่งและเดินทางส่วนที่เกี่ยวกับระบบการเดิน-จักรยาน ซึ่งเป็นวิถีการเดินทางที่เมื่อผนวกกับระบบรถเมล์ สามารถเป็นตัวป้อนคนขึ้นรถไฟฟ้าได้มาก ไม่ได้อยู่ในวิธีคิดหรือวางแผนไว้แต่เดิม การเข้าถึงสถานีรถไฟฟ้าและการเชื่อมต่อจึงไม่ค่อยดีนักในปัจจุบัน สมควรนำมาพิจารณาสำหรับโครงการในอนาคต

                  สิ่งที่น่าแปลกใจและดีใจ คือผู้อภิปรายได้พูดถึงประเด็นการเดินและจักรยาน อย่างที่ไม่เคยกล่าวถึงกันมาก่อนในงานสัมมนาในอดีต ซึ่งเป็นเครื่องกระตุ้นให้กำลังใจแก่คนทำงานด้านนี้ว่าแสงที่ปลายอุโมงค์ได้สว่างขึ้นแล้ว อย่างไรก็ตาม ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ กล่าวว่าทางเดินเท้าใน กทม. ส่วนใหญ่แคบเกินกว่าจะนำมาทำทางจักรยาน แต่ควรจัดให้มีทางจักรยานโดยอัตโนมัติสำหรับถนนที่จะสร้างขึ้นใหม่ทุกที่ โดยเน้นเรื่องความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญ และจัดให้เป็นระบบป้อนผู้โดยสารให้แก่ระบบขนส่งมวลชนอื่นๆ ทั้งรถไฟฟ้าและรถเมล์

           ผู้เข้าร่วมประชุมให้ความสนใจในประเด็นการอภิปราย

                    แต่ที่น่าแปลกใจและดีใจอีกเช่นกันที่ ดร.สามารถ กล่าวว่าทางจักรยานไม่ใช่เพียงแค่การทาสีตีเส้นบนทางเท้าซึ่งตรงกับหลักคิดของชมรมจักรยานเพื่อสุขภาพแห่งประเทศไทย ส่วนทางเท้านั้น ดร.สามารถเห็นว่าระบบตัวหนอนใช้ได้ไม่ดีเพราะเกิดการทรุดตัวไม่เท่ากันและกระเดิด จึงควรใช้เป็นระบบแอสฟัลต์หรือยางมะตอยซึ่งจะเรียบกว่า โดยอาจใส่สีเพื่อให้ดูสวยงาม แต่ติดที่ราคาแพงกว่ามาก

                    ส่วน ดร.พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์ เห็นว่านอกจากการเข้าถึง(Accessibility) แล้วยังต้องคำนึงถึงความเชื่อมต่อ (Connectivity)ด้วย มิฉะนั้นระบบขนส่งก็จะไม่สำเร็จผล ซึ่งนั่นหมายรวมถึงการเดินและจักรยานด้วย ทั้งนี้การรณรงค์ให้คนมาใช้จักรยานควรเน้นเป็นแบบ Pro-Poor คือส่วนที่จะก่อประโยชน์ให้คนจนซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ ไม่ใช่การรณรงค์เฉพาะสำหรับผู้สามารถจัดหาจักรยานราคาแพงได้อย่างที่เห็นอยู่ เพราะปัจจุบันมีตัวตนผู้ใช้จักรยานในชีวิตประจำวันจริงแฝงตัวกระจายอยู่ในชุมชนต่างๆทั่ว กทม. อยู่มาก

                    ส่วนคุณประภัสร์ จงสงวน กล่าวว่าระบบรถไฟเป็นแบบ Pro-Poor อยู่แล้วและค่าโดยสารไม่ได้ขึ้นมาตั้งแต่ช่วงปี 2530 จึงคาดหวังการบริการที่ดีไม่ได้ ซึ่งทั้งหมดเป็นปัญหามาจากภาคการเมือง ซึ่งไม่ได้หมายถึงเฉพาะในช่วงนี้ แต่เป็นมาตลอดหลายสิบปีแล้ว

Print PDF