กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2557
การเลือกรองเท้า นับว่าสำคัญไม่น้อยไปกว่าการเลือกสรรเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย เมื่อเร็วๆ นี้ นายแพทย์ เชิดพงศ์ หังสสูต แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องเท้า เวชศาสตร์ฟื้นฟู กล่าวว่า ในปัจจุบันนี้ หลายๆ คนมักจะมองข้าม เท้า อวัยวะที่อยู่ต่ำที่สุดของร่างกาย และไม่ได้ดูแลเอาใจใส่ให้ดี เท่าที่ควร โดยลืมคิดหรือไม่ทันคิดว่า แท้ที่จริงแล้ว เท้านั้น มีความสำคัญไม่แพ้อวัยวะอื่นๆ
“การเลือกรองเท้าแบบผิดๆ ก็ทำให้รูปเท้าเสียได้ หรือบางคนมีอาการปวดส้นเท้า หัวเข่า หรือหลังส่วนล่างที่มาจากภาวะเท้าแบน ก็เป็นอีกหนึ่งปัญหา เพราะเมื่ออุ้งเท้าแบนลง ทำให้ข้อเท้าบิดเอียงเข้าด้านใน เส้นเอ็นต่างๆ ที่เท้าเกิดการตึง ยืดออกไปจากเดิม ทำให้เกิดอาการ ปวดส้นเท้าจนถึงหัวเข่า และหลังส่วนล่างได้”
คุณหมอเชิดพงศ์ บอกว่า ปัจจุบันอาการปวดส้นเท้า ปวดเข่า และหลังส่วนล่างเกิดขึ้นบ่อย ซึ่งมาจาก หลายสาเหตุ ไม่ว่าการออกกำลังกายอย่างหนัก หรือเคยประสบอุบัติเหตุกระดูก เส้นเอ็น หรือกล้ามเนื้อ หรือสาเหตุที่ใกล้ตัวที่สุดอาจเป็นเพราะรองเท้าที่เราสวมใส่ แต่มีอีกหนึ่งสาเหตุที่หลายคนอาจจะคาดไม่ถึง นั่นก็คือมาจาก “ภาวะเท้าแบน”
รูปร่างลักษณะเท้าของแต่ละคน
“สรีระเท้าที่ถูกต้องนั้นจะต้องมีอุ้งเท้า สมัยก่อนที่ โลกเรายังไม่พัฒนา เราก็จะเดินบนพื้นหญ้าดินหรือทราย ซึ่งพื้นผิวธรรมชาติเหล่านี้ช่วยรองรับอุ้งเท้า แต่ปัจจุบัน โลกพัฒนาไปไกล จากดินหญ้า ทราย กลายเป็นพื้นปูนแข็งๆ แบนราบ ทำให้อุ้งเท้าข้อเท้าต้องรับน้ำหนักร่างกาย เมื่อเราเดิน เท้าเรากระทบกับพื้นราบแบนแข็งที่ไม่สามารถรับกับอุ้งเท้าของเรา ซึ่งเป็นส่วนโค้งเว้า ก็จะทำให้เท้าบิดเข้าด้านในทีละน้อย ขณะก้าวเดินอุ้งเท้าค่อยๆ แบนลงกลายเป็นเหมือนหุ่นจำลอง”
ฉะนั้น การเลือกรองเท้า ก็เป็นส่วนสำคัญที่จะช่วย ลดสาเหตุปัญหาที่เกิดกับเท้าได้ เราไม่ควรเลือกรองเท้าสวยอย่างเดียว ต้องเลือกรองเท้าที่มีประโยชน์ด้วย
คือ 1.รองเท้าที่ดูแลสรีระเท้า ป้องกันไม่ให้เท้าบิดเอียงหรือแบนลงได้ อย่าง Scholl Biomechanics
2.รองเท้าที่มีพื้นนุ่มและรองรับแรงกระแทกได้ดี ช่วยกระจายน้ำหนัก
3.รองเท้าที่มีปุ่มนวดเท้า สำหรับช่วย ผ่อนคลายเท้า
และ 4.รองเท้าที่ใส่แล้วเหมือนได้ออกกำลังกายในขณะใส่ คือ พื้นรองเท้าที่มีความนุ่ม ของพื้นรองเท้าไม่เท่ากัน เวลาเดินก็จะทำให้เรา ต้องใช้กล้ามเนื้อขามากขึ้น ก็จะทำให้กล้าม
เนื้อขากระชับอีกด้วย
ขอบคุณภาพประกอบจาก http://health.spokedark.tv/?p=3252 และ www.womenshealththailand.com