จากทริปที่ผมได้ไปเยือนเมืองจีนเมื่อกลางปี 2556 มีสิ่งที่ผมเห็นได้ว่าจีนมีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมชัดเจน คือ การที่มีคนใช้รถยนต์เพิ่ม
ขึ้น ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก เป็นเรื่องที่ใครๆก็รู้ ใครๆก็พูดถึง ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะประเทศจีนปัจจุบันได้มีการพัฒนาแบบ 2 ระบบ คืออยู่แบบ
สังคมนิยม คอมมิวนิสต์ในระบบหนึ่ง และก็เปิดการค้าแบบเสรีอีกระบบหนึ่ง โดยระบบหลังนี้เน้นการทำรายได้ให้ประเทศ โดยมุ่งหวังกำไรเป็นหลัก
ในวิธีคิดแบบท่านประธาน เติ้งเสี่ยวผิง ที่บอกว่าแมวสีอะไรก็ได้ ขอให้จับหนูได้ก็แล้วกัน
แต่สิ่งที่ใครๆยังไม่ได้พูดถึงนัก (โดยอาจเป็นเพราะไม่ใช่จุดสนใจของเขา) คือ การใช้จักรยานถีบของคนจีนลดลงอย่างเห็นได้ชัด ที่พูดนี้
ไม่ ได้หมายว่าไอ้เจ้ายานพาหนะสองล้อนี่ลดลง แต่เป็นการเปลี่ยนรูปจากจักรยานถีบไปเป็นจักรยานไฟฟ้า หรือที่ตอนนี้กำลังนิยมเรียกกันว่า ‘อีไบค์’
หรือ E-bike ซึ่งย่อมาจาก electric bike นั่นเอง
คือ การใช้จักรยานถีบนั่นนะลดลง แต่หันไปใช้อีไบค์หรือจักรยานไฟฟ้ามาทดแทน
จักรยานไฟฟ้าผลิตในประเทศจีน จักรยานไฟฟ้ามีตระกร้าด้านหน้า มีที่ซ้อนท้ายพร้อมมือจับ
มีอุปกรณ์ครบครัน กำลังเป็นที่นิยม จึงทำให้สะดวกแก่การใช้งานในชีวิตประจำวันแบบจีน
ทดแทนกันมากจนจำนวนอีไบค์นี่ดูจะแซงหน้าจำนวนจักรยานถีบไปแล้วด้วยซ้ำ ผมไม่รู้ว่าในเมืองจีนโดยทั่วไปนี่ สัดส่วนของจักรยาน
ไฟฟ้า กับจักรยานถีบนี้เป็นอย่างไร แต่ในเมืองใหญ่แบบเมืองไท่หยวนซึ่งเป็นเมืองหลวงของมณฑลชานสี และเมืองปักกิ่งซึ่งเป็นเมืองหลวงของจีน
ผมว่าจักรยานไฟฟ้านี้มีไม่ต่ำกว่าครึ่งหนึ่งเข้าไปแล้ว
ชาวบ้านจีนขับรถจักรยานไฟฟ้าไปซื้อของกันเป็นปกติวิสัยในปัจจุบัน
ซึ่งหากมองในมุมสิ่งแวดล้อมและการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน การใช้จักรยานไฟฟ้าจะสิ้นเปลืองวัสดุอุปกรณ์มากกว่า ต้องใช้ทรัพยากร
มากกว่า รวมทั้งต้องใช้ไฟฟ้ามาชาร์จแบตเตอรี่ ซึ่งไฟฟ้าก็ต้องมาจากการเผาเชื้อเพลิงหรือสร้างเขื่อน รถจักรยานไฟฟ้าจึงยังมีส่วนทำให้โลกร้อนได้
เหมือน รถยนต์เติมน้ำมัน นั่นคือ อย่างไรเสียสุดท้ายแล้วก็ต้องมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอยู่ดีแม้ตัวมันเอง เมื่อเอามาใช้ในเมืองจะไม่ปล่อยควันทำ
ไม่มีเสียงดัง ไม่มีแรงสั่นสะเทือน ฯลฯ ก็ตามที
ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ต้องระวัง อย่าไปหลงผิดคิดว่าเมื่อเป็นรถจักรยานไฟฟ้าแล้วเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมไป เสียทั้งหมด
นอกจากนี้ เวลาแบตเตอรี่หมดอายุ ก็ต้องเอาไปทิ้ง ซึ่งซากหรือกากแบตเตอรี่นี้เต็มไปด้วยสารพิษนานาชนิด หากทิ้งไม่เป็นและไม่ถูกที่ก็
จะเป็นมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมและต่อตัวเราได้มหาศาลในที่สุด
ผมจึงไม่แน่ใจว่า การที่มีคนพยายามผลักดันให้คนหันมาใช้จักรยานไฟฟ้าเพิ่มขึ้นๆจะดีหรือไม่ เพราะนอกจากยังมีปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม
แล้ว ก็ยังทำให้คนขี่จักรยานทำได้แค่ ‘ขับ’ จักรยาน และไม่ได้ ‘ถีบ’จักรยาน จึงไม่ได้ออกแรง ไม่ได้ออกกำลังกาย และประโยชน์ด้านสุขภาพก็จะไม่ได้
ตามไปด้วย
แต่ใดๆในโลกล้วนเป็นอนิจจัง การที่จะฝืนให้คนใช้จักรยานถีบต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง ก็คงเป็นไปไม่ได้ คนจีนสมัยนี้รวย
ขึ้น เป็นคนทำเกษตรน้อยลง เป็นคนเมืองมากขึ้น ต้องเร่งรีบมากขึ้น จึงถูกบีบบังคับให้ต้องหาอะไรที่สะดวกกว่ามาแทน ซึ่งคนจีนในเมืองใหญ่ก็ได้
เลือกแล้วที่จะใช้จักรยานไฟฟ้าแทนจักรยานถีบ
การใช้จักรยานไฟฟ้าสามารถใช้ทางจักรยานได้ การใช้จักรยานในกรุงไท่หยวนประเทศจีน
(อย่างน่าจะถูกกฎหมาย)
แต่ก็ยังดี…ที่เอาจักรยานไฟฟ้ามาแทนจักรยานถีบ ไม่เอามอเตอร์ไซค์มาแทน เพราะรถมอเตอร์ไซค์ปล่อยมลพิษมากกว่า เสียงดัง
มากกว่า มีสารก่อมะเร็งมากกว่า ปล่อยฝุ่นก็มากกว่า แถมรถมอเตอร์ไซค์ยังวิ่งเร็วกว่า น้ำหนักรถก็มากกว่าเวลาชนกับจักรยานหรือคนเดินถนน จึงเกิด
อันตรายแก่จักรยานและคนเดินถนนได้มากกว่า ไม่เหมือนบ้านเราที่นิยมรถมอเตอร์ไซค์มากกว่าคนจีน
แต่ (อีกที) มันก็เป็นเรื่องของทางใครทางมัน จีนเลือกจักรยานไฟฟ้า แต่ไทยเลือกมอเตอร์ไซค์ ซึ่งส่วนหนึ่งก็คงเป็นเพราะจักรยานไฟฟ้า
ยังไม่สามารถเข้ามาตีตลอดไทยได้นั่นเอง
ธงชัย พรรณสวัสดิ์