เชื่อไหมว่าเดินนั้นดีกว่าการออกกำลังกายที่ใช้แรงมากๆเสียอีก
ในยุคที่คนใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแค่การดูแลรักษาสุขภาพทั่วไปมิให้ป่วย การลดน้ำหนัก หรือการทำร่างกายให้ฟิต เรามักได้ทราบถึงการออกกำลังกายที่ใช้แรงมากต่างๆ ที่ให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น หรือทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรง ฯลฯ กิจกรรมทางกายที่ไม่มีการหลั่งเหงื่อ ไม่ต้องผลักดันหรือกดดันตัวเองให้ทำ อย่างการเดิน แทบจะไม่เข้ามาอยู่ในสมองหรือในสายตาเลย แต่จริงๆแล้ว การเคลื่อนไหวร่างกายที่เนิบนาบ ดูเหมือนเบาแสนเบา จนเป็นหนึ่งในสามของกิจกรรมที่องค์การอนามัยโลกแนะนำว่าเหมาะกับผู้สูงอายุนี้ (อีกสองอย่างคือขี่จักรยานกับว่ายน้ำ) มีข้อดีมากมาย มากกว่าการออกกำลังกายหนักๆ หลายอย่างด้วยซ้ำไป
ประการแรก การเดินเหมาะกับคนที่กำลังฟื้นตัวจากการบาดเจ็บ (หรือต้องการป้องกันไม่ให้ตัวเองบาดเจ็บ)
การวิ่งและการออกกำลังกายที่มีแรงกระแทกสูงมีข้อดีต่อสุขภาพมากมายหลายอย่างไม่เป็นที่สงสัย แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงที่จะทำให้คุณบาดเจ็บมากขึ้นด้วย ง่ายมากที่การออกกำลังกายเช่นนี้จะสร้างปัญหาให้หัวเข่า ข้อเท้า หรือเท้า นักวิ่งทราบเรื่องนี้ดี หลายคนบาดเจ็บจนต้องเลิกวิ่ง หันมาเดินหรือขี่จักรยานแทน ดังนั้นถ้าคุณบาดเจ็บจากการออกกำลังกายหรือเหตุอื่นๆ เมื่อปรึกษาหมอแล้วพบว่าการบาดเจ็บนั้นไม่ร้ายแรงนัก การเดินก็เป็นวิธีที่ดีเยี่ยมในการให้ร่างกายได้พัก แต่ก็ไม่ถึงกับต้องอยู่นิ่ง ยังได้เคลื่อนไหวเพียงพอโดยไม่ทำให้ร่างกายบาดเจ็บมากขึ้น ในแง่การป้องกัน การเดินเป็นการเริ่มต้นอบอุ่นร่างกายที่ดี เริ่มจากช้าแล้วค่อยเดินให้เร็วขึ้นเป็นการเตรียมร่างกายก่อนวิ่ง ป้องกันไม่ให้บาดเจ็บง่ายๆ
ประการที่สอง การเดินช่วยควบคุมฮอร์โมนที่ทำให้เครียด
การเดินยังไงๆ ก็ไม่ทำให้ร่างกายของคุณเครียดเท่ากับการออกกำลังกายอย่างเข้มข้น การออกกำลังกายหรือฝึกหนักเกินไปอาจทำให้เกิดผลที่ไม่พึงใจได้ต่างๆ นานา อย่างเช่น อ่อนเพลียจากการที่พลังงานในร่างกายลดลง ไม่อยากอาหาร แบบแผนการนอนเปลี่ยนไป มีปัญหาด้านอารมณ์ และแม้แต่เสี่ยงมากขึ้นที่จะบาดเจ็บ ร่างกายเราต้องการการฟื้นตัวและการเดินเป็นวิธีที่สมบูรณ์แบบในการฟื้นตัว การเดินอย่างสบายๆ ไม่รีบเร่ง เป็นกิจกรรมที่ดีที่สุดรูปแบบหนึ่งในการทำให้ฮอร์โมนคอร์ติโซลอยู่ในระดับต่ำ ถ้าระดับของฮอร์โมนนี้ในร่างกายสูงเกินไป(หรือต่ำเกินไปเช่นกัน) มันจะสร้างความปั่นป่วนให้ร่างกายของคุณได้
ประการที่สาม ถ้าอยากจะเคลื่อนไหวให้ได้ทั้งวันแล้วก็ไม่มีวิธีไหนดีกว่าการเดิน
การศึกษาใหม่ๆ ที่เพิ่งทำเมื่อเร็วๆนี้บ่งชี้ว่า ไม่ว่าเราจะออกกำลังกายหรือฝึกหนักเพียงใดก็ไม่อาจลดความเสี่ยงที่เกิดจากการนั่งอยู่กับที่ทั้งวันได้ จริงๆ แล้ว การเคลื่อนไหวเป็นประจำสม่ำเสมอทั้งวันเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้มีสุขภาพดี การเดินเป็นรูปแบบกิจกรรมทางกายที่เป็นธรรมชาติและทำได้ง่ายดาย ใครก็ตามที่สุขภาพดีและร่างกายมิได้พิการสามารถเดินได้หลายครั้งทั้งวันโดยไม่พบปัญหาใดๆ ที่อาจเกิดได้เมื่อออกกำลังกายด้วยเวลาเท่ากัน
ประการที่สี่ การเดินให้ผลกับร่างกายดีพอที่จะรักษาน้ำหนักไว้มิให้เพิ่มขึ้น
มีการศึกษาใหม่พบว่า คนที่เดินอย่างกระฉับกระเฉงเป็นประจำมีแนวโน้มว่าจะมีน้ำหนักต่ำกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับคนที่ออกกำลังกายรูปแบบอื่นที่ใช้แรงมากกว่า ข้อสรุปนี้มาจากนักวิจัยที่ศึกษากลุ่มเป้าหมายทั้งชายหญิงที่เดินอย่างกระฉับกระเฉงเป็นเวลา 30 นาที และพบว่ารอบเอวและ BMI ของพวกเขาน้อยกว่าคนที่เล่นกีฬาหรือออกกำลังกายหนักรูปแบบอื่น
ประการที่ห้า การเดินสามารถให้ประโยชน์ทางด้านสุขภาพกับคุณได้เหมือนการวิ่งโดยไม่เสี่ยง
ไม่แปลกที่เราจะคิดว่าการวิ่งให้ผลดีกับสุขภาพมากกว่าด้วยเหตุผลง่ายๆว่ามันทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้นและใช้กล้ามเนื้อมากกว่าการเดิน แต่มีการศึกษาหนึ่งที่พบว่า เมื่อคนที่เดินใช้พลังงานในปริมาณเดียวกับคนที่วิ่ง ผลที่มีต่อสุขภาพก็แทบจะเท่ากัน ซึ่งรวมทั้งการลดความเสี่ยงที่จะมีไขมันในเลือดสูง เบาหวาน เครียดจัด และโรคหลอดเลือด นอกจากนั้นการเดินอย่างกระฉับกระเฉงยังไม่เสี่ยงที่จะทำให้บาดเจ็บมากเท่าการวิ่งอีกด้วย
ประการที่หก การเดินให้ผลดีกับสุขภาพจิตด้วยถ้าเดินกลางแจ้ง
คุณไม่อาจเอาการเดินบนลู่วิ่งไฟฟ้าในยิมไปเทียบกับการเดินในสวนสาธารณะเงียบๆหรือตามทางเดินในป่าได้ การเดินในสภาพแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติมีประสิทธิผลเป็นพิเศษในการสู้กับความเครียดทางใจและในการลดความดันโลหิต ทำให้ใจที่วุ่นวายสงบลงได้
ประการที่เจ็ด คุณจะเดินให้ผ่อนคลายหรือให้เข้มข้นอย่างใดก็ได้ตามต้องการ
ท้ายที่สุด การเดินสามารถเป็นรูปแบบการออกกำลังกายง่ายๆ รูปแบบหนึ่งที่คนลืมไปแล้วว่าสามารถทำให้หนักมากๆ ก็ได้ขึ้นอยู่กับว่าเราจะทำอย่างไร คุณอาจเดินให้หัวใจเต้นแรงและร่างกายเหงื่อออกมากได้เร็วกว่าที่คุณคิดถ้าคุณเดินเร็วมากๆ หรือเดินขึ้นเนินเขา ซึ่งทำให้การเดินเป็นรูปแบบการออกกำลังกายที่ดีสำหรับคนที่ไม่ชอบวิ่งหรือเต้นแอโรบิก แต่อีกด้านหนึ่ง คุณก็สามารถเดินให้ช้าเท่าที่คุณอยากทำและไม่เหนื่อยเลย ถ้าอยากจะแค่เดินเล่นแถวบ้านก็ไม่เห็นจะต้องเดินให้เหงื่อออกหรือหอบหายใจแต่อย่างใด
ดังนั้นก็จำผลดีของการเดินเหล่านี้ไว้เมื่อคุณรู้สึกว่าอยู่กับที่มากไปหรืออยากเปลี่ยนจากการออกกำลังกายที่ทำอยู่เป็นประจำไปเป็นรูปแบบอื่น คุณจะได้นึกถึงการเดิน แล้วคุณจะไม่พลาดผลดีต่อสุขภาพใดเลย
——————————————————————————————————————————————————————————-
กวิน ชุติมา เขียนจากข้อมูลใน 7 Ways Walking Can Be Better Than Strenuous Exercise โดย Elise Moreau ใน www.care2.com